Patrick Bamford (แพททริค แบมฟอร์ด)
แพททริค แบมฟอร์ด กองหน้าสัญชาติอังกฤษที่เป็นชาวลอนดอนแท้ตั้งแต่กำเนิด ผ่านการฟันฝ่าบททดสอบต่าง ๆ จนมากลายเป็นศูนย์หน้าที่ฝีเท้าคมที่สุดในเวลานี้ของทีมยูงทอง ลีดส์ ยูไนเต็ด แถมยังมีลุ้นติดทีมชาติชุดใหญ่อีกด้วยจากเสียงเชียร์จากแฟนบอลและสื่อกีฬาภายในประเทศ จากสถิติต่าง ๆ ที่กองหน้ารายนี้ทำไว้ในช่วงต้นฤดูกาล 2020-2021 นี้ ทำให้ หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามถึงอนาคตของศูนย์หน้าฟอร์มแรงรายนี้ว่าจะอยู่กับทีมยูงทองนี้ได้อีกนานแค่ไหน เรามาดูความเป็นมาของนักเตะที่แทบจะไม่มีใครรู้จักจนมาถึงวันที่เขามีสิทธิลุ้นติดทีมชาติชุดใหญ่รายนี้กันซักเล็กน้อย ว่ากว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้นั้นเขาผ่านอะไรมาแล้วบาง ไปดูกันเลย


ครอบครัวและวัยเด็ก
แพททริค แบมฟอร์ด มีชื่อเต็มว่า Patrick James Bamford (แพททริค เจมส์ แบมฟอร์ด) เกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน ปี 1993 ที่เมือง Grantham ใน Lincolnshire ประเทศ England โดยที่เติบอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ใกล้กับ Norwell ใน Nottinghamshire โดยที่ แบมฟอร์ด นั้นเป็นลูกคนโตของพี่น้องทั้งหมด 3 คน
แม้จะเกิดที่ประเทศอังกฤษ แต่ครอบครัวของ แพททริค แบมฟอร์ด นั้นไม่ใช่ชาวอังกฤษแท้ โดยที่แม่ของเขา(ไม่ทราบชื่อ)นั้นเป็นชาว ไอริช ที่มาสมรสกับ Russell (รัสเซล) สามีชาวอังกฤษพ่อของ แพททริค แบมฟอร์ด ซึ่งเคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสำหรับเชื้อสายทั่วไปในประเทศสหราชอาณาจักรที่มักจะนิยมเข้ามาอาศัยในประเทศอังกฤษ ยิ่งครอบครัวของ แบมฟอร์ด นั้นมีฐานะที่ค่อนข้างดี ก็ทำให้วัยเด็กของ แพททริค แบมฟอร์ด ไม่ต้องขาดแคลนสิ่งต่าง ๆ และมุ่งหน้าสู่การเรียนและการเป็นนักฟุตบอลอาชีพในอนาคตตามอย่างคุณพ่อ

น้องสาวสองคนของ แพททริค แบมฟอร์ด ได้แก่ Ciara (เคียร่า) และ Orla (ออร์ล่า) นั้นมีความละม้ายกับผู้เป็นมารดามาก และทั้ง 2 คนก็ชื่นชมในตัวพี่ชายที่กลายมาเป็นนักฟุตบอลชื่อดังในเวลานี้ โดยที่ทั้งสองคนนั้นไม่ได้เดินทางสายนักฟุตบอลเหมือนกับพี่ชายแต่อย่างใด
ระดับเยาวชน
เมื่อวัยได้ 8 ขวบ แพททริค แบมฟอร์ด ได้เข้าสู้ระบบเยาวชนของทีม Nottingham Forest โดยมีการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความสม่ำเสมอที่ แบมฟอร์ด ถูกครอบครัวปลูกฝังอย่างเคร่งครัด

“พ่อแม่ของผมจู้จี้จุกจิกมากในสิ่งที่พวกเขาอนุญาติให้ผมทำ”
“พวดเขายืนกรานในความจริงที่ว่า ผมควรจะเริ่มในสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดเท่านั้นเป็นอย่างแรก”
นอกจากจะได้เป็นเยาวชนของทีมแล้ว ความโดดเด่นของ แพททริค แบมฟอร์ด ก็เริ่มได้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้นในฐานนะเด็กที่มีคุณสมบัติจะเป็นนักเตะอาชีพได้ในอนาคต ทั้งยังได้เดินลงสนามในฐานะ Lucky Boy ไปถ่ายรูปคู่กับกรรมในสนามเหย้าของทีมชุดใหญ่มาแล้วด้วย

ระดับอาชีพ
ปี 2011 แพททริค แบมฟอร์ด ในวัย 18 ปี ก็สามารถก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ Nottingham Forest ได้สำเร็จ แต่ก็เป็นเหมือนกับนักตะเยาวชนดาวรุ่งทั่วไปที่จะได้รับโอกาสที่น้อยในทีมระดับอาชีพ ยิ่งทีมเจ้าป่า Nottingham Forest ขับเคี่ยวอยู่ใน Championship ลีกระดับสองของประเทศอังกฤษที่ว่ากันว่าหนักและดุเดือดมากลีกหนึ่งของโลก ส่งผลให้นักเตะหนุ่มได้ลงสนามเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น โดยเกมแรก แบมฟอร์ด ได้ลงมาเป็นตัวสำรองในเกม League Cup ที่พบกับทีม Newcastle United เมื่อ 21 กันยายน 2011 โดยทีมต้นสังกัดของเขาแพ้ไปด้วยผล 4-3 ประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษ และอีกนัดที่ แบมฟอร์ด ได้ลงสนามก็คือนัดที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในเกมที่แพ้ให้กับ Cardiff City 1-0 ซึ่งเป็นการลงสนามครั้งแรกใน Championship ของ แพททริค แบมฟอร์ด อีกด้วย
แม้ว่าจะมีโอกาสลงสนามเพียงแค่ 2 เกมในฐานะตัวสำรอง แต่ศักยภาพของ แพททริค แบมฟอร์ด ก็ยังดีพอที่จะได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีก ปี 2012 ทีมสิงโตน้ำเงินคราม Chelsea ก็มาดังตัวเขาไปร่วมทีมเยาวชน โดยได้ปล่อยให้ทีมในระดับรองลงมาของพรีเมียร์ลีกยืมตัวไปใช้งานอย่างต่อเนื่องได้แก่ Milton Keynes Dons, Derby County, Middlesbrough, Crystal Palace, Norwich City และ Burnley ตลอดปี 2012 จนถึงปี 2017 ซึ่งตลอดช่วงสัญญาของ แพททริค แบมฟอร์ด นั้นไม่เคยได้ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ Chelsea เลยแม้แต่นัดเดียว

ฤดูกาล 2017-2018 ทีมที่เคยยืมตัว แพททริค แบมฟอร์ด มาใช้งานอย่าง Middlesbrough ก็ได้ตัดสินใจดึงตัวเขามาร่วมทีมอย่างถาวรภายใต้สัญญา 2 ปี เนื่องจากตัวนักเตะนั้นหมดสัญญากับทีมใหญ่จากพรีเมียร์ลีกแล้ว โดยที่ แบมฟอร์ด นั้นได้รับโอกาสลงสนาม 9 นัด ในฤดูกาลแรก และทำได้ 1 ประตู แต่ในฤดูกาลที่ 2 นั้น แพททริค แบมฟอร์ด ได้รับโอกาสเป็นตัวหลักของทีมอย่างแท้จริง ซึ่งทีม Middlesbrough ให้โอกาส แบมฟอร์ด ลงสนามถึง 44 เกม และยิงได้ 13 ประตู ซึ่งถือว่าไม่เลวนักสำหรับนักเตะแทบจะไร้ชื่อเสียงวัย 25 ปีรายนี้

หลังหมดสัญญากับ Middlesbrough ทีมที่เคยมีชื่อเสียงอยู่ในพรีเมียร์ลีกอย่าง Leeds United ก็มาดึงตัวเขาไปร่วมทีม และยังได้มอบเสื้อหมายเลข 9 ให้กับเขาซึ่งเป็นหมายเลขของศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของทีม โดยมีข่าวว่าทีมยูงทองนั้นจ่ายค่าธรรมเนียมหรือเงินกินเปล่าให้กับตัวนักเตะถึง 7 ล้านปอนด์ (เพิ่มขึ้นถึง 10 ล้านปอนด์ขึ้นอยู่กับโบนัส) ซึ่งถือว่าสูงในรอบ 17 ปี ตั้งแต่ทีมเคยจ่ายให้กับ Robbie Fowler ในครั้งที่ซื้อตัวมาร่วมทีม โดยที่ทีมยูงทองนั้นให้ความสำคัญกับนักเตะใหม่รายนี้ไว้สูงมาก โดยให้โอกาสลงสนามในฤดูกาลแรก 25 นัด และทำได้ 10 ประตู ต่อมาในฤดูกาลที่ 2 แพททริค แบมฟอร์ด ก็ขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวเป้าหมายเลขหนึ่งของทีม โดยได้ลงสนามสูงถึง 47 นัด และทำได้ 16 ประตู ช่วยพาทีมต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีก Championship ขึ้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

ฤดูกาล 2020-2021 ถือเป็นฤดูกาลที่ แพททริค แบมฟอร์ด ได้แจ้งเกิดในระดับโลกเลยก็ว่าได้ โดยที่นักแรกที่ทีมยูงทองได้กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกนั้น ทีมต้องพบกับแชมป์เก่าอย่างหงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมที่กำลังฟอร์มแรงมากในเวลานั้น แต่กลายเป็นว่าทีมน้องใหม่ Leeds United กลับทำผลงานได้อย่างสูสีแม้ว่าจะเป็นทีมเยือน โดยจบเกมทีมยูงทองแพ้ไปอย่างหวุดหวิด 4 ประตูต่อ 3 ด้วยจุดโทษในช่วงท้ายเกม ซึ่งในนัดดังกล่าวนี้ แพททริค แบมฟอร์ด สร้างผลงานกดดันแผงหลังทีมแชมป์เก่าได้ตลอดทั้งเกม และยังยิงประตูตีเสมอ 2-2 ให้กับทีมได้อีกด้วย
จากนักเตะที่ไม่สามารถเบียดขึ้นชุดใหญ่ได้ในทีม Chelsea กลายมาตัวจบสกอร์แถวหน้าของพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ แม้ว่าจะมีจุดเด่นแค่ที่การจบสกอร์ แต่ แพททริค แบมฟอร์ด ก็ใช้จุดเด่นของเขาได้ถูกที่ถูกเวลา แถมยังกดดันแผงเกมรับของทีมคู่แข่งได้ดีมาก ๆ เหมือนกับเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีกมาแล้วหลายปี ส่งผลให้ทีม Leeds United กลายเป็นทีมที่เล่นด้วยยากมากที่สุดในบรรดาทีมที่ขึ้นชั้นมาด้วยกัน เกมที่ศูนย์หน้าจอมฉวยโอกาสรายนี้สร้างผลงานได้เข้าตาที่สุดก็คือเกมที่ทีมบุกไปเยือน Aston Villa ทีมที่กำลังฟอร์มดุสุด ๆ ในเวลานั้นเพราะเพิ่งจะถล่มทีมแชมป์เก่าอย่าง Liverpool มาถึง 7-2 ประตู ทีมสนามเหย้าแห่งนี้ โดยที่ แบมฟอร์ด สร้างผลงานยิง hat trick ได้เป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก ช่วยให้ทีมต้นสังกัดถล่มคู่แข่งไป 3 ประตูต่อ 0 ซึ่งฟอร์มการเล่นของเขาทั้งหมดส่งผลให้เขาคว้ารางวัล Professional Footballers’ Association และ Premier League Player of the Month ในเดือนกันยายน และ เดือนตุลาคม มาอย่างเป็นเอกฉันท์
ด้านความสัมพันธ์
เนื่องจากเป็นนักเตะที่แทบจะไร้ชื่อเสียงทำให้ ไม่มีข่าวคราวเรื่องแฟนสาวหรือภรรยามาให้ได้สื่อทราบเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่เมื่อกลายเป็นนักเตะดังที่มีคนจับตามองมากมายทำให้ชื่อของ Michaela Ireland (มิเคล่า ไอแลนด์) แฟนสาวของ แพททริค แบมฟอร์ด โผล่ขึ้นมาในหน้าสื่อ ซึ่งทั้งคู่เริ่มคบกันเมื่อใด หมั้นหรือว่าแต่งงานกันแล้วหรือยังนั้น ยังไม่มีข้อมูลที่แท้จริงออกมาให้ทราบ แต่จากที่ฝ่ายชายกลายเป็นที่รู้จักและโด่งดังในฐานะนักฟุตบอลที่ถูกเชียร์ให้ติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ คาดว่าเรื่องราวของทั้งคู่คงมีออกมาให้ทราบกันอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้นในอนาคต

ชีวิตและความชอบส่วนตัว
แพททริค แบมฟอร์ด นั้นชื่นชอบที่จะเล่นเกมมาก โดยเฉพาะเกม Call of Duty ซึ่งเขาออกไปเล่นเกมดังกล่าวที่ร้าน Internet Café ใกล้ที่พักของเขาทุกครั้งที่มีโอกาส โดยที่ชื่นชอบเกมดังกล่าวของเขานั้นมากเสียจนทำเขาและทีมฝึกซ้อมจนไปได้เข้าแข่ง Steam สดในระดับนานาชาติมาแล้ว และนอกจากนั้นเขาก็ชอบเล่นกีต้าร์และเครื่องดนตรีอีกหลายอย่าง อีกทั้งยังสามารถสื่อสารด้วยภาษาเยอรมันและภาษาฝรั่งเศสรวมถึงภาษาสเปนได้ในระดับที่พอใช้อีกด้วย เนื่องจากเขาใช้เวลาว่างจากการฝึกฟุตบอลไปศึกษาแบบนอกเวลาซึ่งญาติผู้ใหญ่ฝ่ายแม่ของเขาเป็นผู้บริหารในมหาวิยาลัยระดับนานาชาติ ทั้งยังถูกกดดันอย่างหนักจากผู้เป็นแม่ที่ต้องการให้เขามีความรู้สูง ๆ เข้าไว้

แม้ว่าจะเคยถูกทีมใหญ่อย่างสิงโตน้ำเงินครามเชลซีไม่เห็นค่า แต่การที่เขากลับมายืนอยู่ในเวทีฟุตบอลระดับลีกสูงสุดได้อีกครั้งถือว่าเป็นบทพิสูจน์ถึงความสามารถของจอมล่าตาข่ายรายนี้แล้ว แพททริค แบมฟอร์ด ในวัย 27 ปี ที่ถือว่าพีคที่สุดของการการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ทั้งความฉลาดในการหาพื้นที่ การจบสกอร์ที่ไว้ใจได้ และการฉกฉวยโอกาสในเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ระวังตัว ถือเป็นคุณสมบัติที่อันตรายมากในยามที่อยู่ในกรอบเขตโทษก็ต้องตามกันดูว่า แพททริค แบมฟอร์ด จะมีชื่อติดทีมชาติชุดใหญ่ได้ไหม แล้วจะคงอยู่กับทีมยูงทอง ลีดส์ ยูไนเต็ด โดยไม่ถูกทีมใหญ่ซื้อตัวไปได้อีกนานเท่าไร
Top Player Story ในครั้งต่อไปจะเป็นใครโปรดรอติดตาม สวัสดีครับ