João Félix (เจา เฟลิกซ์)
สายเลือดใหม่แห่งฟุตบอลโปรตุเกสเริ่มผลิดอกออกผลขึ้นมาเรื่อย ๆ คราวนี้มาในตำแหน่งตัวรุกวัยปัจจุบันเพียง 19 ปีที่ชื่อว่า เจา เฟลิกซ์ หลังจากที่ แอตเลติโก้ มาดริด รู้ล่วงหน้าแล้วว่า อองตวน กรีซมันน์ ซุปเปอร์สตาร์ของทีมกำลังจะย้ายออกไปก็ได้ติดต่อเจ้าหนูเลือดฝอยทองรายนี้เข้ามาเพื่อทดแทน เจา เฟลิกซ์ ที่ปัจจุบันก้าวสู่ทีมชาติชุดใหญ่ไปกระทบไหล่รุ่นพี่อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แล้วนั้นจะมีที่มาจากไหน อะไร อย่างไร เรามาดูกัน
Family (ครอบครัว)
เจา เฟลิกซ์ มีชื่อเต็มว่า João Félix Sequeira (เจา เฟลิกซ์ เซกูเอร่า) เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ปี 1999 ที่เมือง Viseu ประเทศโปรตุเกส มีบิดาชื่อว่า คาร์ลอส เฟลิกซ์ และมารดาชื่อ คาร์ล่า เฟลิกซ์ ที่เป็นครูด้วยกันทั้งคู่ และยังมีน้องชายอีกหนึ่งคนชื่อว่า ฮิวโก้ เฟลิกซ์)
คาร์ลอส เฟลิกซ์ เคยเป็นนักฟุตบอลที่ทำงานเป็นครูไปด้วย เขาสนับสนุนลูกชายทุกทางที่เกี่ยวกับฟุตบอล เขาขับรถพาลูกชายไปฝึกซ้อมที่ เอฟซี ปอร์โต้ เป็นระยะทางกว่า 1000 ไมล์ต่อสัปดาห์ ฝ่ายมารดา คาร์ล่า เฟลิกซ์ นั้นเธอสนิทสนมกับลูกชายเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าลูกชายของเธอชอบฟุตบอลมาก เธอก็ได้ให้การสนับสนุนลูกชายเต็มที่ไม่ต่างกับฝ่ายบิดา
ส่วน ฮิวโก้ น้องชายของ เจา เฟลิกซ์ ที่อายุน้อยกว่า 5 ปี ก็ได้เจริญรอยตามพี่ชาย เขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับเยาวชนของ เบนฟิก้า อนาคตอาจจะได้เป็นอัจฉริยะฟุตบอลคนใหม่ของ โปรตุเกส ก็ได้
ระดับเยาวชน
เช่นเดียวกันกับนักฟุตบอลอัจฉริยะทั่วไปที่ชอบฟุตบอลมาตั้งแต่จำความได้ มารดาของ เจา เฟลิกซ์ บอกว่าลูกชายของเธอติดลูกฟุตบอลมาตั้งแต่เริ่มหัดเดิน เจา เฟลิกซ์ เริ่มทดลองเล่นกีฬาชนิดต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มเรียนในโรงเรียน Pestinhas ที่เมือง Tondel จนวันหนึ่งเขาได้ไปร้องขอต่อพ่อของเขาเพื่อขอไปเรียนที่โรงเรียนฟุตบอล พ่อของเขาจึงพา เจา เฟลิกซ์ ที่ขณะนั้นอายุ 8 ขวบ ไปเข้าเยาวชนของ เอฟซี ปอร์โต้ ทีมชื่อดังแถวของประเทศ เพื่ออนาคตของลูกชาย
ที่ เอฟซี ปอร์โต้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายเล็กน้อยเพราะ เจา เฟลิกซ์ ต้องเดินทางจาก Viseu ไปให้ทันซ้อมที่ เอฟซี ปอร์โต้ ที่เป็นระยะทางห่างกันประมาณ 128 กิโลเมตร จนเมื่อ เจา เฟลิกซ์ โตพอที่จะสามารถอาศัยอยู่คนเดียวได้เขาก็ได้ย้ายมาพักอยู่ใกล้กับสนาม ดารก้อน สเตเดี้ยม ของ เอฟซี ปอร์โต้ ซึ่งแม้ว่าจะคิดถึงบ้านมาก ๆ แต่พ่อแม่ของเขาก็ได้มาเยี่ยมในบางครั้งคราว จนเมื่อวันหนึ่งที่เขาเห็นตัวเองยืนอยู่ในสนามในฐานะกัปตันของทีมเยาวชนไปเสียแล้ว
เจา เฟลิกซ์ อยู่กับ เยาวชนของ เอฟซี ปอร์โต้ มาตั้งแต่ 2008 – 2014 จนทีมเริ่มเห็นว่าฝีเท้าของเขานั้นไม่สามารถพัฒนาได้สูงกว่านี้แล้วจึงได้ปล่อยเขาออกจากทีม เจา เฟลิกซ์ ย้ายออกไปอยู่กับเยาวชนของ ปาโดรเอนเซ่ เอฟซี ในช่วงระยะหนึ่งเขาจึงได้รับการติดต่อจากหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในลีกของ โปรตุเกส ที่เป็นคู่แข่งของทีม เอฟซี ปอร์โต้ ปี 2015 เจา เฟลิกซ์ ก็ได้ย้ายไปอยู่ภายใต้ปีกของทีมพญาอินทรี เบนฟิก้า จนได้
ระดับอาชีพ, ระดับชาติ
นัดเปิดตัวของเขาในลีกสูงสุดกับทีม เบนฟิก้า ในฤดูกาล 2018/19 ในเกมที่ชนะ เบาวิสต้า 2–0 ในเดือนสิงหาคม และยังสามาถทำ hat-trick ได้ในเกมยูฟ่ายูโรป้าลีก นัดที่ชนะ อัลทรัค แฟรงค์เฟิร์ต 4-2 กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่สามารถทำ hat-trick ได้ในยูโรป้าลีกด้วยวัยเพียง 19 ปี 152 วัน หลังจบฤดูกาลแรกกับทีมชุดใหญ่ของ เลนฟิก้า เจ้าหนุ่ม เจา เฟลิกซ์ ยิงได้ถึง 20 ประตูจากทุกรายการที่ลงเล่น ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของ โปรตุเกส มาครอง ทำให้เขาถูกดึงตัวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ในทันทีและได้ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกในเกมที่ทีมชาติ โปรตุเกส ชนะทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ 3-1 โดยได้ลงเล่นเป็นกองหน้าคู่กับรุ่นพี่อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซุปเปอร์สตาร์ของโลก
ความเนื้อหอมของ เจา เฟลิกซ์ ได้ไปเตะจมูกทีมยักษ์ใหญ่ของสเปนอย่าง แอตเลติโก้ มาดริด ที่กำลังต้องการหาตัวแทนของ อองตวน กรีซมันน์ ที่ต้องการย้ายทีมออกไป วันที่ 3 กรกฎาคม 2019 เจา เฟลิกซ์ ก็ได้เปิดตัวเซ็นสัญญากับทีมตราหมีด้วยราคาค่าตัวมหาศาลถึง 126 ล้านยูโร แพงเป็นอันดับ 2 ของราคาค่าตัวนักเตะวัยไม่เกิน 20 ปี เป็นรองแค่ คีเลียน เอ็มบัปเป้ เจ้าของสถิตินักเตะวัยทีนที่แพงที่สุด 145 ล้านยูโร
ชีวิตส่วนตัว
ด้วยฐานะปานกลางในวัยเด็กทำให้ เจา เฟลิกซ์ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไม่หวือหวา และปัจจุบันที่อายุเพียง 19 ปี เขาใช้เวลาว่างวันหยุดไปกับการเล่นเกมบ้าง สังสรรค์และเที่ยวกับเพื่อนบ้าง เขาไม่มีประวัติให้ทราบเรื่องการคบผู้หญิงในช่วงวัยรุ่น ไม่พบภาพเรื่องการสูบบุหรี่หรือดื่มสุราซึ่งถือว่าเป็นเยาวชนตัวอย่างที่ดีอย่างยิ่ง
ด้วยฝีเท้าที่ใช้สมองมากกว่ากำลัง เจา เฟลิกซ์ ถูกสื่อนำไปเปรียบเทียบกับอดีตนักเตะฉายาพ่อมดน้อยอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ในสมัยที่เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล แต่ราคาค่าตัวย้ายทีมหลัก 100 ล้านจะเป็นหนึ่งในแรงกดดันที่ เจา เฟลิกซ์ จะต้องแบกไว้ บวกกับเบอร์เสื้อหมายเลข 7 ที่เจ้าของเก่าสร้างผลงานไว้มากมาย ก็ต้องมาคอยดูว่าเจ้าหนุ่มฝอยทองคนนี้จะรับมือกับความคาดหวังของแฟนบอลตราหมีได้มากน้อยเพียงใด
Top Player Story ในครั้งต่อไปจะเป็นใครโปรดรอติดตาม สวัสดีครับ
